อาซาโกะเป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่พบรักกับหนุ่มประหลาด บากึ ความรักของทั้งคู่ก่อร่างกันแบบงงๆ แต่ก็ไปด้วยกันได้ดี ความประหลาดของฝ่ายชายนั่นเองที่ทำให้อาซาโกะเป๋ไป เมื่อจู่ๆ เขาก็หายไปจากชีวิตเธอ ทั้งที่ก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งนั้น นั่นทำให้อาซาโกะปั่นป่วนด้วยเฝ้ารอวันที่คนรักจะกลับมาหาเธออีกครั้งตลอดมา จนกระทั่งหลายปีผ่านไป เธอได้เจอกับ ริวเฮ หนุ่มเจ้าสำราญที่หน้าตาเหมือนกับบากึเป๊ะ และเขาก็รักเธอหัวปักหัวปำ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เธอฝืนหัวใจตัวเอง เพราะริวเฮกลับยิ่งทำให้เธอคิดถึงบากึยิ่งขึ้น
มาถึงตรงนี้ ก็สามารถตัดสินอย่างฉาบฉวยได้ทันทีว่า นี่คือหนังรักญี่ปุ่นที่พันเกี่ยวกันด้วยพล็อตเก๋ๆ ที่มาพร้อมเงื่อนไขซึ่งพร้อมจะเฆี่ยนตีคนดูให้ตายคาโรงพร้อมคราบน้ำตาได้อย่างง่ายดาย แต่ขอโทษทีที่หลังจากนั้น หนังไม่ได้เข้าใกล้กับสิ่งที่ว่านั้นแม้แต่นิดเดียว จริงอยู่ที่หนังขายเสน่ห์อันเหลือล้นของสองนักแสดงนำหน้าตาดี อย่าง เอริกะ กะระตะ นางเอกเอ็มวีเพลงสุดโรแมนติก Happy End ของ back number ที่มารับบทอาซาโกะ รวมถึงหนุ่มฮ็อต มะซะฮิโระ ฮิกะชิเดะ ที่รับบททั้งบากึและริวเฮ แต่กระนั้นผู้กำกับ ริวสึเกะ ฮะมะกุชิ ก็ฉลาดเกมส์โกงพอที่จะใช้องค์ประกอบหวานเก๋เหล่านั้นเพื่อหล่อกล่อคนดูให้อยู่หมัด
กล่าวคือฮะมะกุชิใช้ปัจจัยชวนป๊อปยั่วให้คนดูเผลอรักและหลงเสน่ห์ตัวละครจนโงหัวไม่ขึ้น ก่อนที่จะค่อยๆ ให้พวกเขาเหล่านี้ผลักไสเราออกไปอย่างใจร้าย หนังเล่าเรื่องเป็นสามองก์ไม่ซับซ้อน และชัดเจนเหลือเกิน นั่นยิ่งทำให้คนดูกระเจิดกระเจิงในทันทีกับการเข้าสู่องก์สามที่หักล้างสูตรสำเร็จอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะโดยเรื่องราวและการสร้างบรรยากาศใหม่อันคลุมเครือ กระชากคนดูหนังเทศกาลเมือคานส์ออกจากความเป็นจริงแสนหนักอึ้งของหนังร่วมสายประกวด เข้าสู่ความงงงวยทีเล่นทีจริงของหนังเรื่องนี้ เพราะนี่ไม่ใช่หนังรักที่จะมอบบทเรียนชีวิตคู่ใดให้กับคนดู หรือมีทีท่าว่าจะตั้งหน้าตั้งตาสร้างความประทับใจแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม หนังพาคนดูไปรู้จักตัวละครจนคนดูเข้าใจไปเองว่าได้เรียนรู้พวกเขาเป็นอย่างดีแล้ว ก่อนจะสร้างระยะห่างระหว่างคนดูกับตัวละครให้เว้นโหว่มากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดพื้นที่การตีความตัวละครจากฝั่งคนดูอย่างไร้ขอบเขต
ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกหนึ่งหนังที่น่าสนใจจากสายประกวดเมืองคานส์ประจำปีนี้ ที่มีองค์ประกอบถึงพร้อมในการจะเข้าไปนั่งในใจผู้ชม แต่ก็มีลีลาที่ท้าทายผู้ชมอยู่ในที และไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เมื่อผลงานเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับฮะมะกุชิก็คือ Happy Hour หนังฟีลกู๊ดที่หลายคนตกหลุมรัก แต่มาพร้อมความยาวถึง 5 ชั่วโมง นั่นเอง
|