moderndog - 10th YEARS CONCERT “คอนเสิร์ตตาสว่าง WAKE UP AT TEN” 21st May 2005 at Indoor Stadium Huamark Ticket: 700 / 1000 Baht Door Open 6.00 PM Show Time 7.00 PM
เสาร์ 21 พฤษภาคม 2548 เวลาประมาณ ห้าโมงเย็นกว่าๆ ผมบรรจุตัวเองขึ้นไปอยู่บนรถเมล์สาย 122 อีกครั้ง รถสายเดิมที่เคยพาผมไปงานคอนเสิร์ตที่ยาวที่สุดในชีวิตเกือบ 8 ชั่วโมงอย่าง B.Day แม้เวลาจะผ่านไปกว่าครึ่งปี แต่สภาพของรถก็ยังซอมซ่อเหมือนเดิม ประตูรถที่ไม่เคยปิดยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่คงอยู่ แต่ดูเหมือนคนขับจะเหยียบคันเร่งด้วยความเดือดดาลที่ลดน้อยลง และกระเป๋าก็สละเวลามาชำเลืองสายตามองดูคนขึ้นลงบ้าง …เดาได้เลยว่าเป็นเช่นนี้เพราะโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
คราวนี้ผมทำเล่นตัวออกจากบ้านให้ชักช้าหน่อย เพราะไม่อยากไปรอเก้อนั่งเหวอเหมือนทุกคราวที่ผ่านมา คอนเสิร์ตประเทศไทยเคยเริ่มตรงเวลาเสียทีไหน คุณก็น่าจะรู้ดี …ประมาณหกโมงเย็นผมก็ถึงอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก สถานที่ที่คุ้นเคย อันเต็มไปด้วยความทรงจำที่บ้าคลั่งของพลังช่วงวัยรุ่น (ผมก็เคยเป็นกับเค้าเหมือนกันแหละน่า) และความเจ็บปวดของคนในอดีต …เพลงชาติดังผ่านแล้ว เป็นเวลาตามบัตรที่ประตูควรจะแง้มเปิดต้อนรับผู้คนเข้าไป แต่ตามที่คาดไว้ ประตูเหล็กสีทะมึนยังคงปิดแนบสนิท
กระบวนการในการฆ่าเวลาก็คงหนีไม่พ้นการเดินชมรอบงานและสังเกตผู้คนที่วนเวียนที่แถวนั้น เท่าที่ดูแล้วคนไม่แน่นหนามากนัก (แต่บัตรขายเกือบหมดนะ) ผู้คนที่อยู่แถวนั้นบางส่วนมารอเต้นแอโรบิก หาใช่มาชมมโหรสพจากวงหมาทันสมัยแต่อย่างใด เสียงเพลงไร้รสนิยมประกอบกิจกรรมเต้นดังสนั่นขึ้น และดาหน้าฆ่าเซลล์เส้นประสาทส่วนรับฟังของผม เพลงนั้นปะทะปะทังกับเพลงของโมเดิร์นด็อกที่ดังมาจากอีกฟาก เป็นการต่อสู้ที่ไร้ความหมาย แต่ดูแล้วสนุกดี
บูธหน้างานมีประปราย แต่ดูดทรัพย์ได้หนักหน่วงเอาการ ซ้ายสุดเป็นบูธชื่อ “สิ่งที่ไม่เคยบอก” ซึ่งจะมีกระดาษพร้อมปากกาให้เราเขียนข้อความถึงวงโมเดิร์นด็อก พร้อมลงชื่อและอีเมลไว้ (มีของรางวัลแจกหรือไร?) แล้วเขาจะเอาไปรวมเล่มในหนังสือที่มีชื่อเดียวกับบูธ ใบโฆษณาที่หยิบติดมาแจงรายละเอียดไว้ว่า “หนังสือเล่มแรกในรอบ 10 ปีของโมเดิร์นด็อก -สิ่งที่ไม่เคยบอก- จะวางแผนเดือนกันยายน 2548 โดย สนพ.กำลังก่อสร้าง โดยมี ‘วชิรา’ (อดีต บก. a day) เป็นบรรณาธิการและผู้เขียน” …อ้อ ผมเขียนไปว่าอะไรน่ะเหรอ ไม่บอกหรอก รออ่านในหนังสือเค้าแล้วกัน
ถัดมาทางขวาเป็นบูธขายสายรัดข้อมือ ซึ่งขอผ่านเนื่องจากไม่ใคร่สนใจของแบบนี้นัก พอกระเถิบมากอีกอัน..อันนี้แหละตัวแสบ เป็นขายของที่ระลึกของวง ทั้งหน้ากาก เข็มกลัด และหุ่นโมเดล ซึ่งเป็นรูปการ์ตูนของสมาชิกทั้งสามคน ซ้ำร้าย (เอ๊ะ หรือดีหว่า) ยังมีแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น ทั้งโลกมีแค่ 500 ชุด แพ็กขายหุ่นโมเดล 3 ตัว+เข็มกลัด 3 แบบ พร้อมลายเซ็น ราคาเบ็ดเสร็จก็แค่ 569 บาทเอง…แล้วเราก็บ้าจี้ซื้อมาจนได้ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่กล้าแกะมาเล่นหรอก เฮ้อ! จะมีค่าแท็กซี่กลับบ้านมั้ยวะเนี่ย
เหลือบมองไปไกลอีกหน่อยก็มีบูธขายเสื้อ มองๆดูแล้วมี 2 สี สีขาวจะเป็นรูปปกชุดแดดส่อง ส่วนสีดำจะเป็นรูปเหมือนบัตรคอนเสิร์ตนี้ แล้วก็มีบูธขายซีดีของโซนี่-เบเกอรี่-บีเอ็มจี (อ้าว เดี๋ยวนี้เค้ารวมกันแล้วนิ) ดูแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไร ส่วนขวาสุดก็บูธของ NOKIA ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ยี่ห้อนี้ก็ไม่รู้จะเข้าทำไม ก็เลยไปนั่งรอข้างๆประตู เม้าท์โทรศัพท์กับเพื่อนพลางดูเขาเต้นแอโรบิกไปเรื่อย รู้ตัวอีกที ประมาณ 18.40 เขาก็เปิดประตูให้เข้าแล้ว (เย้!)
คราวนี้ดูบัตรนั่งราคา 1000 บาท โซน GG ที่นั่ง F10 อยู่ตรงกลาง เห็นชัดเจนทีเดียว (ซื้อบัตรตั้งแต่วันแรก จำได้ว่าต้องไปต่อคิวรอตั้งนาน เพราะมันดันขายพร้อมบัตรคอนเสิร์ตบอดี้แสลมและทวิภพ! โกลาหลดีแท้) ถ้าเป็นสัก 2-3 ปีก่อนคงลงไปแร่ดยืนเต้นเย้วๆอยู่ข้างล่างกับพวกเด็กๆเค้า แต่ตอนนี้สังขารไม่เอื้อ ขอนั่งเชิดคอแบบคนไฮโซข้างบนดีกว่า
เข้าไปนั่งแล้ว มองไปบนเวทีก็เห็นป้ายสีดำทะมึนโฆษณาสปอนเซอร์หลักของงาน “NOKIA คอนเน็กติ้ง ปีเปิ้ล” อืม..จริงเหรอ? สงสัยพวกนี้มันไม่เคยดูหนังเรื่อง Kairo ของคิโยชิ คุโรซาว่า น่าจะส่งให้พวกเขาดูบ้างนะ …สองข้างเวทีมีจอโปรเจกเตอร์ขนาดพอประมาณ ซึ่งระหว่างรอมันก็ฉายโฆษณาโทรศัพท์ยี่ห้อที่ว่ากรอกหู-ล้างสมองเราไปประมาณ 4 รอบเห็นจะได้ (รอรุ่นที่มัน ‘ทำเมีย’ ได้ออกมาก่อน แล้วฉันจะยอมควักตังค์ให้พวกแก) …ข้างล่างสำหรับบัตรยืน เขากั้นเป็น 4 คอก เพื่อลดความรุนแรงจากการปะทะกัน ระหว่างรอก็มองดูฝูงชนเดินทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ แบบเอื่อยๆสไตล์ไทยแลนด์แดนสยาม สังเกตคนดังวันนี้ก็เห็น ออดี้ (เอ๋..จำไม่ได้เหรอ ก็นักร้องเคยดังคนนั้นไง) , เดวิด-โมโมโกะวง FUTON (อัลบั้มชุดสองจะออกแล้ว เย้ เย้) และวีเจบอส เจ้าของรายการ เดอะ ร็อก โชว์ทาง Channel [V]
นั่งรอจนลองนับเก้าอี้ในอินดอร์เล่นๆแก้เซ็ง เวลา 19.36 ไฟก็มืดดับสนิท พร้อมกับเพลงสรรเสริญพระบารมี และม่านสีดำทะมึนก็ถูกปลดลง เสียงเพลงโหมโรงเป็นคนพูดซ้ำๆว่า “แดดส่อง..น้ำนอง” พลันนั้นไฟดวงแรกสว่างขึ้นในบันดล ได้เวลา “ตาสว่าง” แล้ว!
3 หมาทันสมัย เปิดคอนเสิร์ตวันนี้ด้วยเพลง ตาสว่าง เพลงที่ผมยกให้เป็นเพลงแห่งปี 2547 ทันทีที่โน้ตตัวแรกเริ่มเล่น ความบ้าคลั่งของฝูงชนก็ปะทุปะทังขึ้น เหล่าบรรดาคนที่ยืนอยู่ข้างล่าง กระโดดลอยตัวกันพร้อมหมู่ เสียงแหกปากร้องตามดังกึกก้องไปทั่ว “ท้องฟ้า ยังอยู่ห่างไกล แล้วตัวเธอก็จากไป สายตาพลันสว่างขึ้นมา ฝนโปรยปรายและผ่านไป เห็นความจริงที่ผ่านมา ย้ำเตือนให้ฉันจำเอาไว้ ทุกเวลา” …ทุกคนกำลัง ‘ตาสว่าง’ และรอดูสิ่งที่จะปรากฏต่อสายตาในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า
เพียงแค่เพลงเริ่มแรก ความเก๋ไก๋ได้โล่ของงานก็ปรากฏขึ้น นั่นก็คือฉากหลังของงานนี้ ซึ่งเป็นแผ่นป้ายแบบหมุนได้ (เหมือนในเกมโชว์ทางทีวี) หลายๆอันต่อกันเป็นฉากสี่เหลี่ยม แล้วข้างหลังก็จะมีคนคอยหมุนป้าย (โอ น่าสงสาร คงเมื่อยกันพอดูเชียวล่ะ) รูปแรกของงานก็คือรูปสมาชิกทั้งสามตามแบบเดียวกับบัตรคอนเสิร์ตและโปสเตอร์ ..แต่! เอ๊ะ ทำไมเผลอแป๊บเดียวตรงรูปพี่ป๊อดกลายเป็นหน้าป๋าเทพไปได้หว่า ทันใดนั้นแขกรับเชิญคนแรกของวันนี้ก็ออกมา นั่นก็คือ เทพ โพธิ์งาม ที่ออกมาร้องเพลงตาสว่างร่วมกับพี่ป๊อด ซึ่งก็ …เอ่อ ร้องถูกมั่งผิดมั่งอ่ะนะ เอาน่ะ เอาฮาๆ
ป๋าเทพมาเปิดงานและเล่นมุกให้พอขำสองสามมุก แล้วก็เดินเข้าหลังเวทีไป จากนั้นก็ต่อกันด้วยเพลงจังหวะมันๆอย่าง แดดส่อง พร้อมกับไฟสีขาวที่สาดแสงไปทั่วฮอลล์และการสลับแผ่นป้ายฉากหลังอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเพลง ผ่าน ที่ใช้ไฟสีเขียวและฟ้าสร้างความรู้สึกที่ดีตามเนื้อหาของเพลง และฉากที่เป็นทิวทัศน์ของต้นไม้ที่ทำให้รู้สึกถึงช่วงเวลาชีวิตที่ถูกชะลอลง “สิ่งที่เรายังคงต้องเจอ สิ่งที่เธอไม่เคยต้องการ เรายังคงต้องทรมาน จนถึงวันที่พ้นข้ามผ่าน”
โมเดิร์นด็อกยังคงเลือกหยิบเพลงจากชุดล่าสุดมาเล่นต่อ อย่างเพลง เธอให้มา ซิงเกิ้ลเปิดตัวของอัลบั้มชุดแดดส่อง ตามด้วยเพลง บนฟ้า (ก่อนจะเล่นจริงได้ มีล่มไปรอบหนึ่ง อิอิ) เพลงที่ว่าด้วยการตามหาใครสักคนที่อยู่แสนไกล เขาคนนั้นอาจจะอยู่บนฟ้าก็เป็นได้ ฉากหลังในเพลงนี้ ตอนแรกจะเป็นรูปนกที่บินในแบบต่างๆ และตบท้ายด้วยกราฟฟิกนกกระพือปีก ดูแล้วอยากติดปีกไปตามหาใครบนนั้นบ้าง… “สุดสายตาแสนไกล ไม่ต้องการอื่นใด ฉันเพียงแค่อยากเจอ ฉันเพียงแต่อยากเจอ…เธอเท่านั้น” จบเพลงนี้แล้ว ทางวงก็เล่นเพลง กันและกัน ต่อ ดั่งจะบอกว่าแม้คนเราจะไม่มีปีกบินไปสู่ฟ้าได้ แต่เราก็ยังคงอยู่ร่วมกัน เรายังมีกันและกัน
ย้อนอดีตไปที่เพลงแจ้งเกิดพี่ป๊อดในฐานะนักร้องกันบ้าง ทันทีที่อินโทรคุ้นเคยเริ่มถูกร้อยเรียงผ่านหูไปเรื่อยๆ ก็เป็นทันใดที่สมองสั่งให้ปากร้องกรี๊ดสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับคนทั้งฮอลล์ …ใช่แล้ว! เพลง ลมหายใจ นั่นเอง แต่วันนี้พ่อมดเพลงแดนซ์อย่าง Mr.Z ไม่ได้มาช่วยเสกมนต์ให้เพลงเป็นจังหวะเต้นตูมตาม ทางวงก็เลยเรียบเรียงในแบบของตัวเอง ฟังแล้วนึกถึงเพลงของวง U2 (วงที่จะไม่มีวันมาเล่นคอนเสิร์ตในบ้านเรา--ฮา)
กลับมาที่เพลงของวงโมเดิร์นด็อก ด้วยเพลง เธอเท่านั้น เพลงที่วนเวียนอยู่ในอันดับหนึ่งของชาร์ตแฟตเรดิโอมานานหลายสัปดาห์เหลือเกิน เพลงนี้เป็นโปรดของผมในอัลบั้มชุดแดดส่อง ฉากท้องฟ้าสีฟ้าและแดงที่ตัดกันอย่างผิดเพี้ยนทำให้ผมรู้สึกประหลาด แต่เสียงฮาร์โมนิก้าในเพลงจะทำให้ผมขาดใจตายเสียทุกครั้ง และวันนี้ก็เช่นกัน “เธอเท่านั้น อยู่ในใจ โลกจะเป็นอย่างไร เธอเท่านั้น ตลอดไป แม้ว่าไม่มีทาง...เหมือนเดิม”
ดูเหมือนทางวงจะตั้งใจปิดฉากเช็ตแรกของการแสดงวันนี้ด้วยเพลงสุดท้ายจากอัลบั้มแดดส่อง นั่นก็คือ เพลง คลาย เพลงที่ฟังแล้วนึกถึงภาพท้องฟ้ามืดครึ้มที่จางสีเทาหม่นของมันออกไปจนกลายเป็นสีครามในที่สุด ในเพลงนี้ทางวงได้ใส่เสียงโปรแกรมมิ่งเข้าไปในช่วงแรกๆ จะค่อยๆกลืนหายไปในที่สุด พร้อมกับฉากหลังที่แปรจากสีขาวเป็นสีดำทีละช่อง ทีละช่อง จนดำสนิท
พี่ป๊อดถอดสูทสีขาวจนเห็นเสื้อลายขวางข้างในแบบที่เราคุ้นเคย (ถ้าพี่ป๊อดกับเป็นเอกตัวพอๆกัน คงยืมเสื้อใส่กันได้--ฮา) เสียงพูดของจักรกลปัญญาประดิษฐ์ว่า “anyplace anywhere anytime…” เป็นดั่งไทม์แมชชีนที่จะพาเราไปสู่บทต่อไปของโชว์ในวันนี้ ใช่แล้ว..จากนี้ไปโมเดิร์นด็อกจะเล่นเพลงจากอัลบั้มชุดก่อนๆ
เริ่มด้วยอัลบั้มชุดที่สาม love me love my life กับเพลง very good ด้วยบรรยากาศแบบหลอนๆ จากฉากหลังที่เป็นสปอตไลท์ที่ติดทีละดวง พอเพลงนี้ถูกเล่นขึ้นแฟนเพลงบางคนก็ถูกสะกดให้นิ่งงัน บางคนก็นิ่งเพราะมันเต้นไม่ได้ (ฮา , อ้อ ผมขออยู่ในกลุ่มแรกนะครับ) ผมชอบเนื้อเพลงของเพลงนี้มากๆ “good sometimes bad bad sometimes good” อืม ใช่…ใช่จริงๆ ที่เป็นประโยคสั้นๆ แต่เป็นปรัชญาที่กินใจความของโลก
แล้วพี่ป๊อดก็ทำให้คนดูเมาแสงไฟสปอตไลท์ต่อ ด้วยเพลง อีสานคลาสสิค เพลงที่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจเนื้อหาของมันนัก เพราะเนื้อเพลงมันถูกเขียนด้วยคนที่เขียนจากกระแสสำนึก ถ้อยคำที่ขาดห้วง ช่วงอารมณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อ แต่ว่าวันนี้ตอนที่พี่ป๊อดร้องว่า “ถูกหมดแล้วทุกอย่าง ถูกหมดทุกอย่างแล้ว” ดูเหมือนผมจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น และผมคิดว่า “ใช่…มันถูกแล้ว”
ต้องสารภาพว่าตอนที่ดูคอนเสิร์ต Pru-Dog เมื่อสามปีที่แล้ว เวลาที่โมเดิร์นด็อกเล่นเพลงจากอัลบั้มชุด love me love my life ประสาทของผมมันจะเกิดอาการไม่รับสารโดยทันที จนจำได้ว่าตอนนั้นถึงกับหาวเลยทีเดียว (ถ้าวันนั้นหาวแล้วพี่ป๊อดเห็น ก็ต้องขอโทษไว้ตรงนี้ด้วย) แต่เหมือนวันเวลาจะเป็นตัวช่วย ทุกวันนี้ผมชอบอัลบั้มชุดนี้มากๆ และคอนเสิร์ตวันนี้ผมก็ชอบเวลาที่พวกเขาเล่นเพลงจากชุดนี้ มันดูมีพลังทางอารมณ์ที่แฝงไว้อยู่ทั่วทุกอณูบนเวที…แต่เอาเถอะนะ มันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาชมเอาป่านนี้ ยังไงชุดนี้ก็คงเป็นอัลบั้มที่ยอดขายต่ำที่สุดของวงอยู่ดี (ฮา)
ทางวงคงกลัวคนดูจะมึนไปมากกว่านี้ เล่นหันมาเล่นเพลงดังจังหวะคึกคักบ้าง อย่างเพลง รูปไม่หล่อ ซึ่งได้ผลชะงัดอยู่หมัดจริงๆ เพราะคนดูทั้งฮอลล์ต้องตื่นตะลึงไปกับเทคนิคของฉากหลังในตอนนี้เพราะเป็นการให้คนที่อยู่หลังแผ่นป้ายควงไฟฉายเป็นวงๆ (โอย กรี๊ด คิดได้ไง) แถมไปๆมาๆ ก็ควงขึ้นลงด้วย พอกลางเพลงก็เปิดสปอตไลท์ไล่เรียงซ้าย-ขวา-บน-ล่างทั่วไปหมด ตบท้ายด้วยคนควงไฟฉายพร้อมไฟสปอตไลท์ โอ๊ย! ตายแล้ว วินาทีนั้นอยากจะเข้าไปกราบTeen เจ้าของไอเดียเลยครับ สุดยอดจริงๆ นี่คือข้อพิสูจน์ว่ามนุษย์ไม่จำเป็นต้องตกเป็นทาสของเทคโนโลยี เราสามารถสร้างสื่อศิลปะด้วยน้ำมือของตัวเองและทำงานร่วมกับมันได้ แถมมันออกมาดีด้วย! อันนี้คงต้องยกความดีให้กับวิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์ (วิชวลกราฟฟิกดีไซเนอร์มือเก๋าของไทย – ล่าสุดเพิ่งโชว์ความดีงามไปในงาน FAT LIVE5 โจอี้ ปาร์ตี้ ฉาว..ฉวย) และ จิโร่ เอ็นโด-สถาปนิกด้านการจัดแสงชาวญี่ปุ่นที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ …สาธุขอให้รักษาความดีนี้ไปนานๆ
กระแทกหูคนดูต่อด้วยเพลง พอเสียที อันนี้ถูกใจผมมากเพราะอัลบั้ม Cafe เป็นอัลบั้มที่ผมชอบที่สุดของวงครับ ดังนั้นไม่ว่าจะเล่นเพลงไหนในชุดนี้ผมก็กรี๊ดทั้งนั้นแหละ แต่เอ๊ะ..ไหงคนข้างๆถึงนิ่งกันไปหมดเลยหว่า ช่างเถอะ ดูบนเวทีต่อดีกว่า มองขึ้นไปก็เห็นลำแสงไฟพร่ามั่วสาดส่องไปทั่วเวที พี่ป๊อดก็กำลังร้องอย่างได้อารมณ์ ผมก็ร้องตาม "เท่าไหร่ จะพอแก่ใจกันหนา หยุดเสียที ฉันไม่ต้องการ มากไปกว่านี้..พอกันทีเถิด" แล้วก็ต่อด้วยท่อนโซโล่กีต้าร์โปร่งยาวๆ เหมือนในซีดี ผมชอบท่อนนี้จังเลยเพราะมันทำให้โครงสร้างของเพลงๆนี้เหมือนรูปตัววีคว่ำไปโดยปริยาย
“ขอบคุณพี่น้องครับ” พี่ป๊อดพูดขอบคุณคนดู (ซึ่งคุณจะได้ยินแกพูดประโยคนี้บ่อยมาก--ฮา) แล้วก็เข้าเพลงหวานๆอย่าง ขอ เพลงของโมเดิร์นด็อกไม่กี่เพลงที่ไรท์ลงซีดีไปหลอกจีบหญิงได้ (แต่ไหงไม่เคยได้ผลเลยฟะ) แล้วพี่ป๊อดก็บอกต่อว่า “เพลงนี้ผมร้องคนเดียวครับ” กับเพลง หมดเวลา เพลงสุดท้ายในอัลบั้มชุดแรก ฟังทีไรก็อยากตายแล้วเกิดใหม่ให้ได้แบบในเพลง แต่ก็ไม่เคยทำได้เสียที จึงทุกข์กว่าเดิมทุกทีเวลาฟังเพลงนี้ “หมดเวลารัก หมดเวลาเสียใจ ถึงเวลาต้องไปเสียที หมดเวลาเหงา หมดเวลาสุข หยุดความทุกข์ไว้เพียงเท่านี้“
เพื่อนในวงไปพักกันมาแล้ว กลับมาเล่นกันต่อด้วยเพลง ลึกซึ้ง เพลงโปรดของผมอีกหนึ่งเพลง เคยฟังแล้วร้องไห้ตั้งหลายที เพลงนี้ฟังแล้ว “ทรมาน…” เหมือนตอนท้ายเพลงจริงๆ “ก็แค่เท่านี้ และสิ่งนี้ เพียงเท่านี้ เท่าที่ฉันมี เท่าที่ฉันนั้นต้องการ ก็แค่เท่านี้ และสิ่งนี้ เพียงเท่านี้ แม้ว่ามันจะต้องผ่านทรมาน” ท่อนโซโล่เปียโนเพลงยังไม่จบดี พี่ป๊อดก็ทำเก๋ให้คนดูหยิบมือถือขึ้นมา “สมัยนี้เค้าไม่จุดไฟแช็คกันแล้ว” (ฮา) แต่ อ้าว..ก็ยังเห็นมีใช้กันนะ อิอิ
เพลงนี้ทำเก๋ด้วยการให้เมธีโซโล่กีต้าร์นิดหน่อย แล้วก็เข้าทำนองที่คุ้นเคย โน้ตสามตัวแรกขึ้นมาคนดูก็ร้องฮอลล์แตกแล้ว …ทายสิเพลงอะไร ถูกต้องนะคร้าบบบบ เพลง ก่อน นั่นเอง …ตรงนี้ตลกดีเพราะจู่ๆไอ้น้องที่นั่งข้างๆผมมันก็แหกปากร้องขึ้นมา (หลังจากที่เงียบไปหลายเพลง คาดว่าก่อนมาดูคงซ้อมเพลงมาแบบหลักสูตรเร่งรัด) จ้าๆ พี่รู้แล้วจ้ะ ว่าน้องร้องได้ แต่มิงช่วยเงียบๆหน่อยได้มั้ย ตรูรำคาญเฟ้ย เดี๋ยวได้ตบเด็กชักกลางคอนเสิร์ตก็วันนี้แหละ ฮึ่มๆๆ แฮ่ …โอ๊ะ เหมือนมันจะรู้ถึงสายตาอาฆาตมันเลยลดเดซิเบลลงไปบ้าง …อ้อ! ผมไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าเพลงนี้คาราโอเกะเรียกพี่อยู่แล้ว เอ้า! แหกปากกันตามสบาย… “ในใจไม่เคยมีผู้ใด จนความรักเธอเข้ามา ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส” แต่ผมก็ดีใจที่ว่าแม้จะต้องเล่นเพลงนี้เป็นครั้งที่แปดพันสี่ร้อยห้าสิบเจ็ด ทางวงก็ยังตั้งใจเล่นมัน ขนาดผมยังเบื่อแทนเลยนะเนี่ย
ขอเล่นเพลงฮิตบ้านแตกอีกเพลงอย่าง บางสิ่ง โอเค เพลงนี้ผมไม่เบื่อแล้ว แถมชอบด้วย ฟังแล้วรู้สึกตัวเองไร้คุณค่า ไร้ตัวตนดีแท้ ก็ใช่สิ! ฉันมันไม่เคยอยู่ในสายตาเธออยู่แล้วนิ (ถ้ามาอ่านเจอก็ไม่ต้องโทรมาง้อแล้วนะยะ สายไปแล้ว เชอะ!) “อาจไม่เคยอยู่ในสายตา เหมือนเธอไม่รู้ว่ากำลังหายใจ หากลองคิดดู สิ่งที่อยู่ก่อนจะทิ้งไป จากวันนี้ จะไม่เสียใจ” รู้สึกว่าตอนที่เล่นเพลง ‘บางสิ่ง’ ในฮอลล์จะพีกแตกมาก คนดูร้องกันถล่มทลาย เผลอๆดังกว่าเพลง ‘ก่อน’ อีก (คุณคิดหรือว่าจะมีผมคนเดียวที่เบื่อเพลง ‘ก่อน’ ?) เอ..สงสัยที่ว่าคนไทยชอบเพลงอกหักนี่น่าจะจริงไปอีกนาน
เจ็บปวดรวดร้าวกันต่อกับเพลง สิ่งที่ไม่เคยบอก เพลงที่ได้รับหลายตำแหน่งจากผมเหลือเกิน ทั้งเพลงของโมเดิร์นด็อกที่เศร้าที่สุด เพลงที่เศร้าที่สุดในโลก เพลงที่ทำให้ผมร้องไห้ได้บ่อยที่สุด แถมฉากหลังเพลงนี้ก็เป็นเหมือนแสงเทียนที่อยู่หลังกระดาษไข ดูแล้วยิ่งหดหู่ใจ โอ๊ย! เศร้าโว้ย “ทั้งหมดนั้น... ที่ไม่เคยบอก เพราะสิ่งนั้น... ยังไม่ชัดเจน แล้ววันหนึ่ง กลายเป็นคำตอบ ว่าทุกอย่าง อาจไม่เคยพอ เหลือเพียงสิ่ง ที่ยังรอ และมันคง ห่างไกล ความเป็นจริง”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดผ่านโทรศัพท์ดังขึ้น เหล่าแฟนๆก็ร้องด้วยความดีใจ เพราะนี่คือเพลงบรรเลงที่เยี่ยมยอดที่สุดอีกหนึ่งเพลง happiness is… ผมคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เว้นช่องว่างให้ผู้ฟังเติมต่อท้ายเองว่า หลังจากฟังเพลงนี้คุณคิดว่าความสุขของคุณคืออะไร บางทีมันอาจจะคือเสียงคุณป้าที่โทรไปบอกลูกให้มาทานข้าวที่บ้านตอนต้นเพลง (แรงบันดาลใจของเพลงเกิดจากคุณป้าคนหนึ่งที่โทรผิดแล้วฝากข้อความไว้ในโทรศัพท์ของสมาชิกในวง) อาจจะหมายถึงการออกไปสู่โลกภายนอกอย่างที่บอกไว้ในมิวสิกวิดีโอ (ซึ่งวาดโดยวิศุทธิ์ พรนิมิตร เจ้าของการ์ตูนสุดเพี้ยน hesheit) อาจจะถูกสื่อด้วยรูปหอยทากพลอดรักกันที่ป๊อดใช้ในเพลงนี้ตอนงานคอนเสิร์ต Pru-Dog (ยังจำกันได้มั้ย?)
แต่มาถึงวันนี้โมเดิร์นด็อกกำลังบอกความหมายของ ‘ความสุข’ ของพวกเขาด้วยเพลงๆนี้ เพราะภาพที่ใช้ประกอบเพลง happiness is… คือภาพสมาชิกวงโมเดิร์นด็อกตั้งแต่อดีตยังปัจจุบัน พวกเขาน่าจะบอกกับเราว่าความสุขของพวกเขาก็คือการได้เป็น ‘โมเดิร์นด็อก’ นั่นเอง …และภาพปิดท้ายเพลงก็คือภาพสมาชิกวงทั้งสามคนในปัจจุบัน
เพลงโปรดของผมมาอีกแล้ว เพลง ที่จริงในใจ เพลงที่บอกเล่าถึงความต่างของหัวใจของเกินจะเยียวยา “เธอต้องการสิ่งใดก็คงจะรู้ดีอยู่ แต่แล้วเพราะบางอย่างที่เธอได้สร้างขึ้นมา ที่เธอจะทำอย่างไรก็คงไม่ไหวเกินกว่า สิ่งที่เธอสร้างขึ้นมา...มันช่างแน่นหนา” จบเพลงนี้แล้วพี่ป๊อดก็แนะนำสมาชิกวง พร้อมกับคนที่มาเสริมทัพในวันนี้ก็คือ มือเบส-คุณก้อ ณัฐพล ศรีจอมขวัญ (ก้อ P.O.P) คนนี้มาช่วยวงมาตั้งแต่ชุด Cafe แล้ว (วงนี้ใช้มือเบสมาทั่วสารทิศอาณาจักรวงการเพลงไทยแล้ว--ฮา) และมือเปียโน-คีย์บอร์ด-กีต้าร์ คุณเจอร์รี่ 2 day ago kids
พี่ป๊อดบอกว่าทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนเก่าแก่ของวงโมเดิร์นด็อก แต่วันนี้ยังมีเพื่อนเก่าแก่อีกคนที่มาร่วมงานด้วย ทันใดนั้นเองเสียงตบเบสดังสนั่นก็ดังกังวานไปทั่วฮอลล์ พร้อมกับการปรากฏตัวของสมาชิกดั้งเดิมของวงโมเดิร์นด็อกในยุคสี่คน นั่นคือ บ๊อบ-สมอัตถ์ นั่นเอง (เอ จำได้ว่าแต่ก่อนพี่ผมยาวๆ เซอร์ๆ และดูเท่กว่านี้เยอะเลยนะเนี่ย อิอิ) แล้วทางวงก็ระลึกความหลังกันสามเพลงรวด (ที่รู้สึกว่าเสียงเบสจะเด่นเป็นพิเศษ--ฮา) ด้วย ชีวิต เธอ และกะลา …ช่วงนี้แอบเห็นว่าแฟนเพลงที่มีอายุหน่อยจะคึกเป็นพิเศษ คาดว่าคงกำลังระลึกความหลัง 10 ปีที่แล้วกันอยู่
คุณบ๊อบแตะผลัดมือให้คุณก้อมาเล่นเบสต่อ แล้วก็อัดกันด้วยเพลง มานี เพลงที่คนดูร้องตามไม่ได้หรอก แต่มันส์กันวายป่วงมาก (เพลงนี้หรือเปล่าที่โน้ต-อุดม เอาไปเล่นแซวเรื่องพี่ป๊อดตกเวที ฮ่าๆ) แถมเพลงนี้มีฮา พี่ป๊อดแอบเปลี่ยนเนื้อเป็น “ชูใจ..ดีใจ..เมธีพาไปเที่ยวบาร์” อ้าว แซวกันเองซะงั้น
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงพีกของงาน พี่ป๊อดก็เตือนคนดูก่อนว่า “ขอให้เอนจอยกันให้เต็มที่” แล้วก็บอกว่า “พวกที่นั่งกันอยู่ข้างหลังอ่ะนะ…” ฮ่า พูดไม่ทันจบประโยคบรรดาคนที่นั่งอยู่ก็รู้หน้าที่ว่าต้องลุกขึ้นมายืนเต้นได้แล้ว เพราะว่าเพลงที่เล่นต่อไปมัน .."แต๊ว แน่ะ แน้ว นา นะ แน้ว” (ขอความกรุณาจินตนาการเอาหน่อย) มาแล้ว! เพลง บุษบา ว่าแล้วก็ไม่ขอเสียศักดิ์ศรีลุกขึ้นมาเต้นลืมตายอีกสักครั้ง ตอนนี้สภาพในฮอลล์ก็โกลาหลอลหม่านมาก ทุกชีวิตก็ร่วมใจกันกระโดดโลดเต้นสุดเหวี่ยง ความบ้าคลั่งได้วิ่งเข้าสู่จุดสูงสุดแล้วววววววว เอ้า! “บรรจงร้อยเป็นมาลัย สนุกสุขใจหนักหนา เป็นประจำทุกวันเวลา ไม่เคยเหนื่อยล้ากับมาลัย“ กำลังเต้นแบบมึนๆอยู่ เงยหน้าขึ้นมาเห็นฉากหลังเป็นพู่เชียร์ลีดเดอร์หลากสีสัน แหม ช่างติดกันจริง แต่พอมองไปข้างหน้าก็แทบกรี๊ดสลบ เพราะอยู่ดีๆพี่ป๊อดก็มาโผล่ตรงที่พวกทีมคุมกราฟฟิกนั่งอยู่เฉยเลย โอว ไม่น่าเชื่อ นี่คือคนตัวเล็กๆ ที่สั่งให้คนเป็นพันๆ เต้นตามได้ครับ! (ฮา) ว่าแล้วก็ขอเต้นต่อ
เหงื่อกำลังออกได้ที่ มีหรือจะหยุดแค่นี้ ตามสเต็ปครับ บุษบาแล้วต้องต่อด้วย ติ๋ม แต่คราวนี้พิเศษเพราะมี…แดนเซอร์!!!! (พระเจ้ายอดมันจอร์จมาก) มาในชุดหางเครื่องเต็มยศสีชมพูแป๊ดแทงลูกตา ว่าแล้วพี่ป๊อดก็ร้องแหกปากไปเรื่อย รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง คนดูก็เต้นลืมตายชนิดไม่กลัวฮอลล์ถล่ม (ตายก็ตายกันหมดนี่แหละ!) แล้วก็ปิดท้ายด้วยท่าคลาสสิก ‘เต้นเชคกาแฟ’ ที่คราวนี้มีป๊อดไม่เหงาแล้วเพราะมีหางเครื่องช่วยด้วย ดูแล้วก็ฮาแต่ก็มันส์ไปอีกแบบ …โน้ตตัวสุดท้ายเงียบเสียงลง พร้อมไอระอุที่แพร่กระจายไปทั่ว ว่าแล้วพี่ป๊อดก็ยกมือหางเครื่องคนหนึ่งขึ้นมาจูบ แล้วก็โบกมือบ๊ายบายคนดูเข้าหลังเวทีไป
ไฟดับมืดลง กราฟฟิกบนจอเป็นเลือดสีแดงไหลลงมาเป็นตัวอักษร MD เป็นเครื่องย้ำเตือนว่างานไม่ได้จบแค่นี้ แล้วคนดูก็โห่ร้อง ปรบมือ กระทืบเท้าขออังกอร์กันตามธรรมเนียม …ไม่รอช้าทางวงก็ออกมาที่เวทีอีกครั้ง แต่ฮามากกับชุดคอสตูมเพราะมาชุดสไตล์ ‘มนุษย์ห้าสี’ เมธี-เหลืองอ๋อย , ป๊อด-แดงแจ๊ด , โป้ง-น้ำเงินเข้ม และก้อ-ชมพูแหวว (อ่า พี่ก้อก็เอากับเค้าด้วยนะ) โอ้ว! นี่มันอะไรกันเนี่ย
เล่นเพลงมาเหนื่อยแล้ว ขอพักเล่นเพลงเบาๆก่อน ว่าแล้วทางวงก็เล่นเพลง หนึ่งคน เพลงยาวเหยียดไร้คอรัสจากชุดล่าสุด ผมชอบเพลงนี้ครับ ฟังแล้วเหมือนถูกกินไปทีละนิด และถูกกลืนหายไปในที่สุด “ว่ามีความรักก็ต้องปวดร้าว และความจริงนั้นฉันควรเข้าใจ แต่ชีวิตฉันนั้นยังต้องการ อยากมีเธอได้ไหม…สักคน” ฉากหลังในตอนนี้จะเป็นภาพวาดสายรุ้งเหมือนใน booklet ชุดแดดส่อง แต่พอกลางๆเพลงจะมีฝนตก และเป็นดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมสายรุ้งอีกในที่สุด…แอบเก๋อีกแล้วนะ
แล้วโมเดิร์นด็อกก็เร้าจังหวะเพลงให้แรงขึ้นเรื่อยๆ จาก ขอบคุณ ไปที่ สบายใจ และตบท้ายด้วยเพลงจิตหลุดอย่าง เวตาล ดนตรีในเพลงนี้เรียกว่าใส่กันไม่ยั้ง เป็นความหายนะของความวุ่นยุ่งเหยิงอย่างแท้จริง ไฟสปอตไลท์และแผ่นป้ายฉากหลังสลับหมุนวนเวียนมั่วไปหมด ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว! “ฉัน ทำ ทุกอย่าง เพราะ ฉัน ต้องการ พร้อม แล้ว กับทุกความ ทน ทร.... มาน....” ทรมานนนนนนนนนนนนนนนนนนนน……..ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก! ! ! (อันนี้เสียงพี่ป๊อดนะ ไม่ใช่ผมร้อง)
แต่แล้วแม้แผ่นป้ายจะถูกหมุนให้สับสนเพียงใด สุดท้ายมันก็กลับมาเป็นรูปภาพสายรุ้งแสนงามนั้นอีกครั้ง พร้อมกับเพลง …มา เพลงที่ผมเข้าใจว่าโมเดิร์นด็อกเลือกเป็นสารส่งถึงแฟนเพลงของพวกเขา “มา..ทำให้ฉันมีความสุข ในโลกที่ไม่เคยหยุด และไม่เคยรู้มาก่อน มา..ทำให้ฉันมองดูใหม่ ลึกลงไปในจิตใจ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” ที่น่าซึ้งใจก็คือพี่ป๊อดหยุดให้คนดูร้องกันเอง ซึ่งคนในฮอลล์ก็ร้องเพลงนี้กันได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพลงลับแลที่อยู่ในซิงเกิ้ล animal ก็ตาม นี่อาจจะแสดงให้เห็นว่าคนที่มาในงานนี้ล้วนเป็นแฟนของโมเดิร์นด็อกจริงๆ …ผมดีใจแทนพวกเขาจัง
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา…แม้นี่จะเป็น ‘คอนเสิร์ต ตาสว่าง’ แต่ก็คงเล่นกันยันสว่างไม่ได้ (ฮา) โมเดิร์นด็อกจึงเลือกจบงานนี้ด้วยเพลง ตาสว่าง ที่ทำให้คนดูในฮอลล์ลุกขึ้นมาโลดแล่นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง …ณ วินาทีนั้นผมเห็นผู้คนที่ยืนอยู่ข้างล่างกระโดดโลดเต้นไปกับจังหวะเพลงอย่างเมามัน ผมคิดถึงตัวเองเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน …ผมมองไปข้างหน้ากับวงดนตรีที่ผมเติบโตมากับพวกเขาและรักที่สุดในบรรดาวงดนตรีไทย …พวกเขาชื่อ “โมเดิร์นด็อก”
เสียงเพลง ‘ตาสว่าง’ จบลงพร้อมกับไฟในฮอลล์ที่สว่างขึ้น คนดูทยอยกันเดินออกจากงาน พร้อมกับเสียงเพลง happiness is… ที่ไล่หลังตามมา
ในชีวิตนี้ผมดูคอนเสิร์ตของวงโมเดิร์นด็อกมาก็หลายครั้งหลายครา กับงานวันนี้แม้แขกรับเชิญจะน้อยไปนิด และสเต็ปการเล่นเพลงก็คล้ายกับที่ผ่านมา แต่พวกเขายังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดี …WAKE UP AT TEN จึงเป็นคอนเสิร์ตฉลองครบรอบสิบปีของพวกเขาได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ในสายตาของผม โมเดิร์นด็อกเป็นมาแล้วทุกอย่าง ทำเพลงร็อกตีตลาดเพลงไทย ทำเพลงอิเล็กทรอนิกล้ำหน้าชาวบ้านไปหลายกิโลเมตร หนีไปทำเพลงมินิมอลลิสต์จิตแตกก็ทำมาแล้ว และคลี่คลายตัวเองด้วยการกลับสู่ความเรียบง่ายในที่สุด …โมเดิร์นด็อกเป็นวงที่ ‘เปลี่ยนแปลง’ และ ‘พัฒนา’ ตัวเองอยู่ตลอดเวลา นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่พวกเขาอยู่ยืนยงมาถึง 10 ปี ผ่านมาทั้งยุคอัลเทอร์เนทีฟเฟื่องฟู ยุคเอ็มพีสามครองเมือง ยุคเพลงอินดี้กลับคืนฟื้นสภาพ หรือกระทั่งยุคนี้ที่เราไม่แน่ใจกันว่ามันเป็นยุคของอะไรกันแน่
นี่คือวงที่สมควรแล้วกับคำว่า ‘ตำนาน’ ผมขอยืนยันอีกทีว่าพวกเขาคือ ‘สุนัขทศวรรษทันสมัย’ อย่างแท้จริง…
moderndog – คอนเสิร์ตตาสว่าง WAKE UP AT TEN SET LIST 01. ตาสว่าง feat เทพ โพธิ์งาม (4) 02. แดดส่อง (4) 03. ผ่าน (4) 04. เธอให้มา (4) 05. บนฟ้า (4) 06. กันและกัน (4) 07. ลมหายใจ (Z-myx: Volume10 , etc.) 08. เธอเท่านั้น (4) 09. คลาย (4) 10. very good (3) 11. อีสานคลาสสิค (3) 12. รูปไม่หล่อ (2) 13. พอเสียที (2) 14. ขอ (2) 15. หมดเวลา (1) 16. ลึกซึ้ง (2) 17. ก่อน (1) 18. บางสิ่ง (1) 19. สิ่งที่ไม่เคยบอก (3) 20. Happiness is… (3) 21. ที่จริงในใจ (3) 22. ชีวิต feat บ๊อบ สมอัตถ์ (1) 23. เธอ feat บ๊อบ สมอัตถ์ (1) 24. กะลา feat บ๊อบ สมอัตถ์ (1) 25. มานี (1) 26. บุษบา (1) 27. ติ๋ม (2) encore 28. หนึ่งคน (4) 29. ขอบคุณ (2) 30. สบายใจ (4) 31. เวตาล (3) 32. …มา (single “animal”) 33. ตาสว่าง (4)
หมายเหตุ ใน ( ) หลังชื่อเพลงคืออัลบั้มที่เพลงนั้นๆอยู่ (1) = moderndog / เสริมสุขภาพ (1994) (2) = Cafe (1997) (3) = love me love my life (2001) (4) = แดดส่อง (2004)
|