เรือนไม้โบราณเก่าแก่ปลูกอยู่ในสวนริมคลองใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของยายหลานคู่ หนึ่งและแมวอีกหลายสิบตัว เรือนไม้หลังนี้ทรุดโทรมเอียงคล้ายจะหัก ต้องใช้ลวดสลิงดึงไว้ให้คงอยู่ได้ ชาวบ้านละแวกนั้นเรียกบ้านสวนริมน้ำนี้ว่า บ้านปลวก เพราะถูกปลวกกินไปทั้งหลังจนเลิกกินไปแล้ว ยายพิมพ์อาศัยอยู่กับยายตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าพ่อแม่ของตัวเอง เพราะพ่อและแม่ประสบอุบัติเหตุเรือล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยาหลายสิบปีก่อน เมื่อไม่นานมานี้มีคนกว้านซื้อที่ดินในสวนรอบข้างไปจนหมด มีแต่ยายพิมพ์ที่ไม่ยอมขาย บ้านสวนของสารภีจึงไม่มีทางออกไปถนน เพราะเจ้าของรายใหม่สร้างกำแพงปิดทางเข้าออก หากแต่สองยายหลานไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร เพราะชีวิตปกติสัญจรโดยทางเรือในคลองอยู่แล้ว ชาวบ้านริมคลองแถวนั้น ต่างเรียกสารภีว่าครู เพราะสารภีเคยเป็นครูสอนพละอยู่ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เมื่อถูกเจ้าของโรงเรียนคิดจะปลุกปล้ำ สารภีใช้วิชาศิลปะป้องกันตัวที่ได้ร่ำเรียนมาจัดการเจ้าของเสียน่วมและลาออก ตั้งแต่บัดนั้น
สารภีไม่ชอบแต่งหน้าแต่งตัว เรียนจบปริญญาตรีพละ ได้รับเกียรติทางยูโด คาราเต้ และกีฬาทางน้ำ สมัยเรียน กวาดเหรียญทองจากกีฬามหาวิทยาลัยหลายประเภท รวมทั้งยังมีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ไม่เป็นรองใคร กรกนก เป็นเจ้าของบ้านหลังงามที่อยู่ติดกับบ้านสวนของสารภี เธอเป็นคนสวยเปรี้ยว เป็นไม้เบื่อไม้เมากับบ้านปลวกอยู่เสมอ เพราะไม่พอใจที่ไม่ยอมขายที่ดินให้ตัวเอง กรกนกเคยส่งคนงานชายมารังความสารภีถึงบ้าน ดีที่สารภีเก่งพอตัวจึงจัดการพวกนั้นเสียสะบักสะบอม ตอนกลางคืนกรกนกมักจะจัดงานเลี้ยง แกล้งเปิดเพลงเสียงดังลั่น เหมือนจะให้ได้ยินกันไปทั้งคลอง วันหนึ่งสารภีทนไม่ไหว เธอจึงแอบติดฮอร์นและหันลำโพงไปทางบ้านกรกนก เอาปี๊บ กะละมัง ถังน้ำมันมาทำเป็นกลอง บรรเลงบรรลัยประชันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กรกนกโกรธแจ้งตำรวจว่าสารภีก่อกวน เมื่อตำรวจไปถึงบ้านสวน เห็นสารภีกำลังบรรเลงอย่างไม่ยั้งมือ คิดจะจับไปดำเนินคดี ดีแต่สารภีขอความเป็นธรรม แจ้งว่ากรกนกทำเสียงดังก่อน พอสอบสวนเข้าจริงถึงได้รู้ว่ากรกนกต่างหากที่เป็นตัวการความขัดแย้ง รตอ.เวไนย จึงไม่ได้เอาผิดกับสารภี
เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความ ประทับใจให้กับสารวัตหนุ่มอยู่ลึก ๆ ชื่นชมความกร้าวแกร่งของสาวสารภีอย่างบอกไม่ถูก กรกนกเคยสนิทสนมกับ ชิตพงษ์ หนุ่มใหญ่นักธุรกิจข้ามชาติสัญชาติไทย-อเมริกันคนหนึ่งอย่างลับ ๆ หากแต่ในช่วงสี่ห้าปีหลังห่างเหินกันไป ในวงการธุรกิจเป็นที่รู้กันว่าชิตพงษ์เป็นผู้มีอิทธิพลระดับมาเฟียข้ามชาติ ทำธุรกิจทั้งใต้ดินบนดิน ชิตพงษ์เพิ่งกลับมาเมืองไทยอีกครั้งได้ไม่นาน พยายามสานสัมพันธ์เก่ากับกรกนกเพื่อร่วมงานบางอย่าง แต่เธอยังคงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรื้อฟื้นความหลัง ชิตพงษ์มี กวิน เป็นคนสนิท ช่วยทำงานทั้งสุจริตและทุจริตทุกประเภท หลังจากเกิดเรื่อง บ้านปลวกริมน้ำก็ได้รับแขกเป็นนายตำรวจสารวัตรมือปราบที่ชื่อเวไนยอยู่บ่อย ๆ สารภีไม่รังเกียจที่จะรับเขาเป็นเพื่อน เพียงแต่ในใจรู้ดีว่าคงไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น สารภีไปทำงานพิเศษ สอนเจ็ทสกีให้กับสปอร์ตเซ็นเตอร์แห่งหนึ่งทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ที่นั้นเธอได้รู้จักกับ เด็กชายเอก ซึ่งเป็นเด็กหน้าตาน่าเอ็นดู แต่แก่นอย่างร้ายกาจ
ด้วยความแก่น เอก เกือบจะประสบอุบัติเหตุเพราะคิดว่าจะขับเจ็ทสกีโดยไม่ต้องเรียน โชคดีที่สารภีลงไปช่วยไว้ได้ทัน เอกเกิดความรู้สึกชอบสารภี เขาขอร้องให้เธอมาเป็นครูสอนเจ็ทสกีให้เขา จากการสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว สารภีรู้ว่าลูกศิษย์ของตนเรียนหนังสือเก่ง เป็นเด็กกำพร้าหลานชายคนเดียวของนักธุรกิจที่ร่ำรวย เด็กชายเอกให้สัญญากับเธอว่าจะมาหัดเล่นเจ็ทสกีกับเธอทุกอาทิตย์ สารภีออกหางานใหม่ เธออ่านข่าวเจอประกาศรับสมัครหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของ บริษัท สยามพาเรด จำกัด ด้วยความเป็นหญิงเก่ง สารภีไม่ลังเลเลยที่จะไปสมัครในตำแหน่งนี้ ปรากฎว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไปสมัคร ท่ามกลางชายร่างกำยำหลายคน เทวัญ ขวัญฟ้า เจ้าของบริษัทเป็นคนสัมภาษณ์ด้วยตนเอง
เมื่อแรกพบกับสารภี เทวัญไม่เชื่อว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมาทำงานในตำแหน่งนี้ได้ ทั้งคู่ปะทะคารมกันอย่างหนักหน่วง เพราะสาวมั่นอย่างสารภีเชื่อในความสามารถของผู้หญิง ถือสิทธิสตรีที่มีเท่าเทียมกับชายทุกประการ ส่วนเทวัญรู้สึกแต่เพียงว่าสิ่งที่สารภีพูด เป็นไปได้เพียงแค่ความคิดในอุดมคติเท่านั้น เทวัญไม่รับสารภีเข้าทำงาน แต่เขาก็ยังไม่ได้รับคนอื่นเข้ามาทำในตำแหน่งนี้ ยังคงต้องประกาศรับสมัครต่อไป สารภีเกิดความฮึดอยากจะเอาชนะเทวัญ จึงมาสมัครตำแหน่งนี้อีกในวันถัดมา ซึ่งเทวัญก็เป็นคนสัมภาษณ์เช่นเคย การปะทะคารมในประเด็นความเท่าเทียมกันทางเพศของคนทั้งคู่เกิดขึ้นอีกครั้ง สร้างความปวดหัวให้กับเหล่าพนักงานในบริษัทเป็นอย่างยิ่ง แม้ครั้งนี้ผลการปะทะคารมเทวัญจะจำนนด้วยเหตุผล แต่ผลลัพธ์ของการสัมภาษณ์ก็ยังคงออกมาเหมือนเดิม คือ เทวัญไม่รับสารภีเข้าทำงาน
เทวัญเดินหนีสารภีออกไปขึ้นลิฟท์ตรงไปยังชั้นผู้บริหาร สารภีนึกไม่พอใจขึ้นลิฟท์อีกตัวหนึ่งตามเทวัญขึ้นไป เธอขึ้นไปกับผู้ชายอีกกลุ่มหนึ่ง โดยไม่รู้มาก่อนเลยว่าความจริงแล้วคนกลุ่มนี้เป็นโจรที่จะมาปล้นบริษัท ขณะกำลังจะเอ่ยปากต่อล้อต่อเถียงกับเทวัญบนชั้นผู้บริหาร โจรเหล่านั้นก็แสดงตัวปิดชั้นผู้บริหารไว้ ขู่กรรโชกเงินเป็นจำนวนหลายล้านบาท เทวัญกับผู้บริหารคนอื่นอึ้งไม่มีทางออก แต่แล้วในที่สุด ด้วยความสามารถที่ไม่มีใครคาดคิดของสารภีเธอสามารถจัดการกับโจรทั้งหมดได้ โดยง่าย ทุกคนปลอดภัย เทวัญทึ่งในความสามารถของสารภี จำต้องรับเธอเข้าทำงานในบริษัทโดยไม่มีข้อแม้ เทวัญ ขวัญฟ้า เป็นพ่อม่ายเนื้อหอม ภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน ความจริงกิจการสยามพาเหรดเป็นกิจการของครอบครัวภรรยา เทวัญเป็นเพียงลูกชายคนเก่าคนแก่ในบ้านซึ่งขยันหมั่นเพียร ได้ทุนเรียนจบปริญญาโท และสามารถเอาชนะใจลูกสาวเจ้าของบ้านในที่สุด เมื่อภรรยาซึ่งเทวัญรักมากที่สุดเสียชีวิตลง โลกด้านสดใสของเทวัญก็ดับสิ้น ชีวิตเขาอุทิศให้แต่งานและการดำเนินธุรกิจบริษัทให้ก้าวหน้า
เทวัญทำงานเหมือนเป็นเครื่องจักร กลายเป็นคนไร้หัวใจ จิตใจขาดแล้วซึ่งความรักและอาทร เทวัญตกลงให้สารภีทำงานเป็นเลขาของเขาบนชั้นผู้บริหาร ด้วยความหมั่นไส้ วันหนึ่งเขาจึงแกล้งมอบหมายให้เธอแปลเอกสารภาษาอังกฤษ และสั่งห้ามเธอกลับบ้านจนกว่าเขาจะเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้ง จากภารกิจมากมายในวันนั้นเทวัญลืมสารภีไปเสียสนิท ส่วนสารภีก็ฮึดทำงานจนเพลิน มารู้ตัวอีกทีก็ดึกมาก กลับบ้านไม่ได้เพราะประตูชั้นผู้บริหารถูกล็อกจากด้านนอก สารภีโกรธเทวัญเป็นอย่างมาก พยายามโทรหาเขาแต่ก็ติดต่อไม่ได้ แต่ในคืนที่สารภีติดอยู่ที่บริษัทนั้นเอง มีคนร้ายแอบเข้ามาจะงัดตู้นิรภัยในห้องเทวัญ สารภีเลยต่อสู้แล้วจัดการจนสลบคาที่
สารภีหาทางติดต่อเทวัญจนได้แจ้งเขาว่าบริษัทถูกปล้น เทวัญรีบมาช่วยเธอและอาสาไปส่งเธอถึงที่บ้าน วันนั้นเองที่เทวัญรู้ว่าบ้านสารภีก็คือ บ้านปลวก ซึ่งอยู่หลังบ้านกรกนก พี่สาวภรรยาของเขานั่นเอง เทวัญได้แต่อ้ำอึ้งไม่ยอมบอกความจริงกับสารภี เพียงเก็บความลับเอาไว้เงียบ ๆ พอถึงวันเสาร์ เด็กชายเอกนำเช็คเงินสดห้าหมื่นบาทมาให้สารภี บอกว่าอาของเขาต้องการขอบคุณครูที่ช่วยชีวิตเอกไว้จากอุบัติเหตุครั้งก่อน แต่สารภีไม่ยอมรับเพราะเธอช่วยโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้สารภีรู้ว่าอาของเอก ก็คือ เทวัญ เจ้านายคนปัจจุบันของเธอ สารภีไม่ยอมบอกเอกเพราะไม่ต้องการให้เทวัญรู้ว่าเธอคือ ครูสอนเจ็ทสกี กลัวจะมีปัญหากับงานทีเพิ่งได้ทำ ด้วยความเป็นเด็ก เอกเล่าให้สารภีฟังอีกว่าเขามีป้าชื่อกรกนก แต่เขาไม่ชอบกรกนกเพราะชอบทำตัววุ่นวายเหมือนเป็นแม่ กรกนกมักจะยุยงหลานให้เกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เทวัญ
วันหนึ่งเทวัญพาเอกไปเรียนเจ็ทสกี สารภีต้องออกอุบายหลบหนีต่าง ๆ นานาเลี่ยงไม่ยอมพบเทวัญ อ้างว่าจะไม่ยอมออกมาสอนจนกว่าเขาจะกลับไป เทวัญคิดว่าครูของเอกต้องเป็นผู้หญิงแก่โอลเมทแน่นอน เขาเอาเรื่องมาคุยให้สารภีซึ่งเป็นเลขาฟังอยู่เสมอ ซึ่งสารภีก็เอาตัวรอดหนีการเผชิญหน้าที่สปอร์ตคลับได้ทุกครั้ง แต่วันหนึ่งสารภีก็พลาดจนได้ สารวัตรเวไนยมาหาเธอที่สปอร์ตคลับพร้อมกับเทวัญ เพื่อสอบสวนเรื่องคนร้ายที่บุกเข้าไปในตึก เหตุการณ์วันนั้นเองทำให้เทวัญจับได้ว่าสารภีคือครูที่สอนเจ็ทสกีให้เอก หลานชายของเขานั่นเอง เทวัญตำหนิสารภีว่าไร้สาระที่กลัวว่าเขาจะไล่ออกเพียงเพราะเธอไปทำงานพิเศษ สารภียังไม่วายต่อล้อต่อเถียงเทวัญอีกยกใหญ่ กลายเป็นความเคยชินของเจ้านายและเลขาคู่นี้ ที่มักจะปะทะคารมให้พนักงานทั่วไปได้เห็นอยู่เสมอ เมื่อเวลาผ่านไป…เทวัญกับสารภีเริ่มสนิทกันมากขึ้น ความตรงไปตรงมาเป็นผู้หญิงแกร่งของสารภี เริ่มสร้างความประทับใจให้กับเทวัญ โดยที่เขาไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับสารภี เทวัญเปรียบเหมือนตัวแทนของพ่อซึ่งเธอไม่เคยรู้จัก ท่าทางที่จริงจังกับงาน มุ่งมั่นในความสำเร็จของเทวัญ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกนิยมผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่ยังไม่ยอมรับใจตัวเอง
เทวัญพูดกับกรกนกว่าเขาไม่อาจคิดกับเธอเป็นอย่างอื่น ชีวิตนี้ของเขาอยู่เพื่อหลานเท่านั้น แม้กรกนกจะไม่สบอารมณ์ แต่เธอก็ยังระงับความรู้สึก ด้วยตระหนักว่าแผนการของเธอสัมฤทธิ์ผลมาขั้นหนึ่งแล้ว ฝ่ายสารภีรู้ตัวแล้วว่าเธอรักเทวัญมากเพียงใด แต่เธอคิดว่าไม่ควรทำตัวเป็นปัญหาในครอบครัวเทวัญ หากกรกนกแต่งงานกับเทวัญอาของเอก ทุกอย่างจะลงตัวที่สุด ยายพิมพ์เป็นห่วงหลานสาวจับใจ โทรตามให้เวไนยมาเยี่ยมสารภี และในวันนั้นเองที่เวไนยสารภาพความในใจขอสารภีแต่งงาน เพราะต้องการให้ตัวเองลืมความสัมพันธ์กับครอบครัว สารภีจึงตกปากรับคำจะแต่งงานกับนายตำรวจหนุ่มโดยดุษฎี วันต่อมาสารภีไปลาออกจากบริษัทสยามพาเหรด ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของเพื่อนพนักงานทุกคน เทวัญพยายามอ้อนวอนขอให้เธออยู่ต่อ แต่ก็ไม่เป็นผล เทวัญนึกน้อยใจที่สารภีไม่เห็นถึงความผูกพันที่เขามีต่อเธอบ้างเลยสักนิด สารภีอ้างว่าสิ่งที่เธอทำลงไปดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
สารภีไปลาเอกที่บ้านของกรกนก แต่เอกยังโกรธเธอไปตามประสาเด็กไม่ยอมให้ครูสารภีเข้าพบ ซ้ำยังเดาว่าเสียๆ หายๆ แม้สารภีจะเสียใจยังไงก็ตาม แต่เธอก็เข้าใจจิตใจเด็กน้อยเป็นอย่างดี ต้องเดินกลับออกไปด้วยจิตใจที่แตกสลาย คืนวันนั้นเทวัญเสียใจกินเหล้าจนเมามาย เรียกเอกออกมาสั่งสอนว่า นอกจากพ่อกับแม่และอาแล้ว ขอให้เอกมั่นใจเถอะว่าไม่มีใครที่จริงใจกับเอกเท่าครูสารภี เด็กน้อยถึงกับอึ้ง ภาพความผูกพันระหว่างเขากับสารภีผ่านเข้ามาในความคิด เขาเริ่มตระหนักว่าตัวเองรักสารภีไม่น้อยไปกว่าเทวัญ และไม่น้อยไปกว่าแม่แท้ ๆ เมื่อเทวัญหลับไปแล้ว เอกแอบออกจากบ้านไปหาครูสารภี แต่เมื่อเขาเดินผ่านสวน กลับเห็นกรกนกกำลังคุยกับชิตพงษ์ บอกว่าลางสมองเอกเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้สารภีออกไปจากชีวิตเทวัญ แผนการทุกอย่างกำลังสัมฤทธิ์ผล เอกโกรธกรกนกมาก พุ่งออกไปด่าว่ากรกนก จึงถูกชิตพงษ์จับไปเป็นตัวประกัน
รุ่งเช้าเทวัญเข้าไปแจ้งความกับเวไนยว่าเอกหายไป เวไนยจึงบอกรายละเอียดที่เพิ่งสืบรู้มา ว่าคนที่ปล้นสยามพาเหรดทั้งสองครั้งเป็นคนของชิตพงษ์ เขาสงสัยว่ากรกนกจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะขณะนี้กรกนกก็หายตัวไปเช่นกัน สารภีเมื่อรู้ว่าเอกถูกจับตัวไป เธอร้อนใจรีบออกตามหาตามลำคลองต่าง ๆ เพราะเธอรู้มาว่าชิตพงษ์มีกิจการอู่ต่อเรือริมแม่น้ำ สารภีตามรอยมาจนถึงอู่ต่อเรือย่านปากเกร็ด ซุ่มอยู่ที่อู่เรือนั้นจนกระทั่งถึงเย็น ระหว่างนั้นเอกที่ถูกจับ ใช้ความสามารถของตัวเองแอบขับเจ็ทสกี จะหนีออกมาได้อยู่แล้ว ชิตพงษ์กับกวินออกมาเห็นเสียก่อน แต่ก่อนที่ชิตพงษ์จะทำอะไรเด็กน้อยได้ สารภีก็ปรากฏตัวขึ้น เธอปราดเข้าไปช่วยเอกให้ออกมาจากการจับกุม ทั้งสองหนีการไล่ล่าของกวินและชิตพงษ์เป็นพัลวัน สารภียอมเสี่ยงชีวิตตัวเอง เอาตัวกำบังร่างเอกที่กำลังโดนชิตพงษ์เล็งปืนมา ร่างของเธอเซถลาตกลงในแม่น้ำ ท่ามกลางความตกใจของเอกเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายลงไปอีก เทวัญนำเวไนยและกำลังตำรวจเข้ามาช่วยพอดี ตำรวจยิงชิตพงษ์กับกวินตายคาที่ เทวัญตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำดำผุดดำว่าย งมหาร่างสารภีอย่างไม่คิดชีวิต
ในที่สุดสารภีก็ปลอดภัยในอ้อมกอดของเทวัญ กระสุนเพียงเฉี่ยวร่างเธอเท่านั้น ในระหว่างทางไปโรงพยาบาลทั้งคู่กอดกันอย่างไม่อายต่อสายตาผู้คน พร่ำพรรณาถึงความในใจที่มีต่อกันและกัน เวไนยมองภาพนี้อย่างปวดร้าว แต่พยายามทำใจให้ยอมรับและเข้าใจรู้ว่าคนทั้งคู่รักและผูกพันมากมายเพียงใด เขายินดีหลีกทางให้ความรักของคนทั้งคู่ด้วยความจริงใจ เมื่อความจริงทั้งหมดปรากฏ กรกนกต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ต้องติดคุกตลอดชีวิตในคดีร่วมมือกันฆ่าน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง รวมทั้งวางแผนจะฆ่าคนในครอบครัวอีกหลายคน ในที่สุด ชีวิตของเด็กชายเอกก็มีพร้อมหน้าอีกครั้ง แม้สารภีจะเป็นเพียงอาสะใภ้ แต่มั่นใจว่าเธอรักเขาไม่น้อยไปกว่าแม่แท้ๆ เลย เทวัญเรียนรู้ที่จะรักใครอีกคนหนึ่ง สารภีไม่อาจแทนที่ภรรยาคนเก่าของเขาได้ แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เขามั่นใจว่ารักเธอสุดชีวิตเช่นกัน สารภีได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ เทวัญเป็นทั้งคนรักและผู้ปกครองที่จะนำพาชีวิตเธอให้ก้าวหน้าไม่ต้องโลด แล่นอยู่บนโลกใบนี้อย่างโดดเดี่ยวต่อไปอีกแล้ว
|