โก เป็นบุตรสาวคนที่สามของโออิจิ ผู้เป็นน้องสาวของจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น โอดะ โนบุนากะ กับ อาซาอิ นางามาสะ ขุนพลแห่งโอมิ มีความเกี่ยวพันกับสามจอมทัพผู้รวมประเทศญี่ปุ่นในยุกเซนโกคุ กล่าวคือ เป็นหลานสาวของโอดะ โนบุนากะ เป็นลูกเลี้ยงของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และเป็นลูกสะใภ้ของโตคุกาว่า อิเอยาสึ พี่สาวคนโตของโก คือ ซาฉะ หรือ โยโด ผู้ซึ่งภายหลังเป็นอนุภรรยาของ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด โทโตโทมิ ฮิเดโยริ ส่วนพี่สาวคนรอง ฮัทสุ แต่งงานกับ ไดเมียว เคียวโกกุ ทากาสึกุ
เมื่อครั้งที่โกยังเป็นทารกอยู่นั้น...โนบุนางะกำลังทำการขยายกองทัพให้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น โชกุนอาชิคางะ โยชิอากิ ก็เริ่มรู้สึกระแคะระคายในความทะเยอทะยานของโนบุนางะ โดยจุดเริ่มก็มาจากการที่โนบุนางะไม่ยอมรับตำแหน่งรองโชกุน แต่ไปขอสิทธิ์ปกครองหัวเมืองที่เป็นดั่งขุมทองอย่างซาไกแทน และที่ถือเป็นจุดแตกหักเลยก็คือการที่โนบุนางะทำการสั่งเคลื่อนทัพเข้าตีตระกูลอาซากุระ ปีค.ศ. 1570 โยชิอากิจึงตัดสินใจคิดการณ์ล้มล้างโนบุนางะลงให้สิ้นซาก จึงได้ส่งจดหมายไปที่ตระกูลอาซาอิ ผู้ปกครองแห่งโอมิ ให้ส่งกำลังทหารเข้าขนาบกองทัพโอดะที่กำลังอยู่ระหว่างยกทัพไปตีอาซากุระ การกระทำนี้ สร้างความลำบากใจให้แก่บุตรชายคนโตและนักรบอันดับหนึ่งของตระกูลอาซาอิ ผู้มีนามว่าอาซาอิ นางามาสะ (Azai Nagamasa) อย่างยิ่ง เพราะภรรยาของเขาคือเจ้าหญิงโออิจิ (Oichi)นั้น คือน้องสาวของโอดะ โนบุนางะ และตัวเขาก็คือน้องเขยของจอมมาร ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสูงยิ่ง นางามาสะจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำตามคำสั่งของบิดาและได้นำกองทัพเข้าโจมตีอย่างฉับพลันในระหว่างที่ทัพหลักของโอดะกำลังตั้งมั่นอยู่ที่เทือกเขาโคนาซาดาเกะ โดยมีกองกำลังจลาจลของพวกอิกโกะ ซึ่งเกลียดชังโนบุนางะมาเข้าร่วม
ด้วยจำนวนมาก และการแตกหักอย่างถาวรระหว่างโนบุนางะกับนางามาสะในครั้งนี้เองที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม “ศึกปราสาทโอดานิ” ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในหลายปีให้หลัง
เมื่อโนบุนากะได้รับชัยชนะ นากามาสะ และบุตรชายนาม มันปูกุมารุ ทำเชมปุคุ ฆ่าตัวตาย โดยก่อนตายได้ส่ง โออิจิ และ ลูกสาวทั้งสาม ได้แก่ ชาฉะ ฮัทสุ และ โก ให้อยู่ในความดูแลของ โนบุนากะ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่วัดฮอนโนจิเข้า ในปี ค.ศ. 1582 อาเคจิ มิตสึฮิเดะ หนึ่งในข้ารับใช้ของโอดะโนบุนางะได้ทำการก่อกบฏ เขาทำการโจมตีโนบุนากะแบบสายฟ้าแลบ ทหารของโนบุนางะที่เฝ้าอารักขาอยู่ที่วัดฮอนโนจินั้นน้อยเกินกว่าจะต้านทานกองทัพเชี่ยวชาญศึกของมิตสึฮิเดะได้ ในที่สุดวัดฮอนโนจิก็ถูกเผา และโนบุนางะก็สิ้นชีพลงที่นั่น ด้วยอายุขัย 49 ปี โดยที่ไม่มีผู้ใดพบศีรษะของเขา ซึ่งกล่าวกันว่าเขาได้ทำการฮาราคีรีตนเองในกองไฟ และได้ฝากศีรษะของตนเองให้แก่ โมริ รันมารุ คนสนิทข้างกายเอาไปซ่อนไว้ บ้างก็ว่าร่างของเขาถูกไฟเผาจนเหลือแต่เถ้ากระดูก มิตสึฮิเดะกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แต่ก็เป็นเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น ก่อนที่ชายผู้หนึ่งจะประกาศชูธงแก้แค้นให้แก่โนบุนางะ และสามารถทำได้สำเร็จ ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าสมัยของโนบุนางะเสียด้วยซ้ำ ชายผู้นั้นก็คือ ขุนพลที่ว่ากันว่าร้ายกาจที่สุดในกองทัพโอดะ ผู้ไต่เต้ามาจากชาวนา นั่นก็คือ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ แม้ว่าฮิเดโยชิจะมีอำนาจ ปกครองโดยความเห็นขอบจากจักรพรรดิ แต่ในช่วงเวลานั้น ตระกูลโตคุกาว่ายังไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของตระกูลโทโยโทมิ เมื่อโกอายุเพียง 12 ปี ฮิเดโยชิจัดการให้เธอแต่งงานกับ ซาจิ คาซูนาริ วัย 16 ปี เพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลซาจิ แต่ตระกูลซาจิกลับไปเข้ากับฝ่ายโตคุกาว่า อิเอยาสึ ฮิเดโยชิจึงให้ทั้งสองแยกทางกัน ฮิเดโยชิ พยายามสงบศึกกับอิเอยาสึ โดยตระกูลโตคุกาว่ายอมรับอำนาจของตระกูลโทโยโทมิ และ ส่งลูกชายให้ฮิเดโยชิเป็นตัวประกัน โดยฮิเดโยชิเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม ในขณะที่ ฮิเดโยชิ ส่งน้องสาว คืออาซาฮีมาเป็นภรรยาของอิเอยาสึ ต่อ มา ฮิเดโยชิให้โกแต่งงานเป็นครั้งที่ 2 กับหลานชายของเขา โทโยโทมิ ฮิเดคัทสึ แต่แต่งกันได้ไม่ถึงปี ฮิเดตัทสึก็เสียชีวิตในสงคราบุกเกาหลี โกมีลูกสาวกับฮิเดคัทสึหนึ่งคน ชื่อซาดาโกะ เมื่ออา
ซาฮีป่วยเสียชีวิตลง ทำให้ฮิเดโยชิส่งโกซึ่งขณะนั้นอายุ 23 ไปเอโดะ เพื่อแต่งงานกับ ฮิเดทาดะ ซึ่งเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลโตคุกาว่า เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ และเป็นตัวประกันสืบต่อจากท่านหญิงอาซาฮี ฮิเดทาดะนั้นอายุน้อยกว่าโก 6 ปี ต่อมาหลังจากที่ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เสียชีวิตลง ตระกูลโตคุกาว่าสามารถเรืองอำนาจ ได้รับแต่งตั้งเป็นตระกูลโชกุน สามีของโกได้เป็นโชกุนคนที่ 2 และ ลูกชายของเธอเป็นโชกุนคนที่ 3 สืบต่อมา
โก เป็นบุตรสาวคนที่สามของโออิจิ ผู้เป็นน้องสาวของจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น โอดะ โนบุนากะ กับ อาซาอิ นางามาสะ ขุนพลแห่งโอมิ มีความเกี่ยวพันกับสามจอมทัพผู้รวมประเทศญี่ปุ่นในยุกเซนโกคุ กล่าวคือ เป็นหลานสาวของโอดะ โนบุนากะ เป็นลูกเลี้ยงของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และเป็นลูกสะใภ้ของโตคุกาว่า อิเอยาสึ พี่สาวคนโตของโก คือ ซาฉะ หรือ โยโด ผู้ซึ่งภายหลังเป็นอนุภรรยาของ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด โทโตโทมิ ฮิเดโยริ ส่วนพี่สาวคนรอง ฮัทสุ แต่งงานกับ ไดเมียว เคียวโกกุ ทากาสึกุ
เมื่อครั้งที่โกยังเป็นทารกอยู่นั้น...โนบุนางะกำลังทำการขยายกองทัพให้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น โชกุนอาชิคางะ โยชิอากิ ก็เริ่มรู้สึกระแคะระคายในความทะเยอทะยานของโนบุนางะ โดยจุดเริ่มก็มาจากการที่โนบุนางะไม่ยอมรับตำแหน่งรองโชกุน แต่ไปขอสิทธิ์ปกครองหัวเมืองที่เป็นดั่งขุมทองอย่างซาไกแทน และที่ถือเป็นจุดแตกหักเลยก็คือการที่โนบุนางะทำการสั่งเคลื่อนทัพเข้าตีตระกูลอาซากุระ ปีค.ศ. 1570 โยชิอากิจึงตัดสินใจคิดการณ์ล้มล้างโนบุนางะลงให้สิ้นซาก จึงได้ส่งจดหมายไปที่ตระกูลอาซาอิ ผู้ปกครองแห่งโอมิ ให้ส่งกำลังทหารเข้าขนาบกองทัพโอดะที่กำลังอยู่ระหว่างยกทัพไปตีอาซากุระ การกระทำนี้ สร้างความลำบากใจให้แก่บุตรชายคนโตและนักรบอันดับหนึ่งของตระกูลอาซาอิ ผู้มีนามว่าอาซาอิ นางามาสะ (Azai Nagamasa) อย่างยิ่ง เพราะภรรยาของเขาคือเจ้าหญิงโออิจิ (Oichi)นั้น คือน้องสาวของโอดะ โนบุนางะ และตัวเขาก็คือน้องเขยของจอมมาร ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสูงยิ่ง นางามาสะจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำตามคำสั่งของบิดาและได้นำกองทัพเข้าโจมตีอย่างฉับพลันในระหว่างที่ทัพหลักของโอดะกำลังตั้งมั่นอยู่ที่เทือกเขาโคนาซาดาเกะ โดยมีกองกำลังจลาจลของพวกอิกโกะ ซึ่งเกลียดชังโนบุนางะมาเข้าร่วม
ด้วยจำนวนมาก และการแตกหักอย่างถาวรระหว่างโนบุนางะกับนางามาสะในครั้งนี้เองที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม “ศึกปราสาทโอดานิ” ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในหลายปีให้หลัง
เมื่อโนบุนากะได้รับชัยชนะ นากามาสะ และบุตรชายนาม มันปูกุมารุ ทำเชมปุคุ ฆ่าตัวตาย โดยก่อนตายได้ส่ง โออิจิ และ ลูกสาวทั้งสาม ได้แก่ ชาฉะ ฮัทสุ และ โก ให้อยู่ในความดูแลของ โนบุนากะ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่วัดฮอนโนจิเข้า ในปี ค.ศ. 1582 อาเคจิ มิตสึฮิเดะ หนึ่งในข้ารับใช้ของโอดะโนบุนางะได้ทำการก่อกบฏ เขาทำการโจมตีโนบุนากะแบบสายฟ้าแลบ ทหารของโนบุนางะที่เฝ้าอารักขาอยู่ที่วัดฮอนโนจินั้นน้อยเกินกว่าจะต้านทานกองทัพเชี่ยวชาญศึกของมิตสึฮิเดะได้ ในที่สุดวัดฮอนโนจิก็ถูกเผา และโนบุนางะก็สิ้นชีพลงที่นั่น ด้วยอายุขัย 49 ปี โดยที่ไม่มีผู้ใดพบศีรษะของเขา ซึ่งกล่าวกันว่าเขาได้ทำการฮาราคีรีตนเองในกองไฟ และได้ฝากศีรษะของตนเองให้แก่ โมริ รันมารุ คนสนิทข้างกายเอาไปซ่อนไว้ บ้างก็ว่าร่างของเขาถูกไฟเผาจนเหลือแต่เถ้ากระดูก มิตสึฮิเดะกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แต่ก็เป็นเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น ก่อนที่ชายผู้หนึ่งจะประกาศชูธงแก้แค้นให้แก่โนบุนางะ และสามารถทำได้สำเร็จ ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าสมัยของโนบุนางะเสียด้วยซ้ำ ชายผู้นั้นก็คือ ขุนพลที่ว่ากันว่าร้ายกาจที่สุดในกองทัพโอดะ ผู้ไต่เต้ามาจากชาวนา นั่นก็คือ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ แม้ว่าฮิเดโยชิจะมีอำนาจ ปกครองโดยความเห็นขอบจากจักรพรรดิ แต่ในช่วงเวลานั้น ตระกูลโตคุกาว่ายังไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของตระกูลโทโยโทมิ เมื่อโกอายุเพียง 12 ปี ฮิเดโยชิจัดการให้เธอแต่งงานกับ ซาจิ คาซูนาริ วัย 16 ปี เพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลซาจิ แต่ตระกูลซาจิกลับไปเข้ากับฝ่ายโตคุกาว่า อิเอยาสึ ฮิเดโยชิจึงให้ทั้งสองแยกทางกัน ฮิเดโยชิ พยายามสงบศึกกับอิเอยาสึ โดยตระกูลโตคุกาว่ายอมรับอำนาจของตระกูลโทโยโทมิ และ ส่งลูกชายให้ฮิเดโยชิเป็นตัวประกัน โดยฮิเดโยชิเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม ในขณะที่ ฮิเดโยชิ ส่งน้องสาว คืออาซาฮีมาเป็นภรรยาของอิเอยาสึ ต่อ มา ฮิเดโยชิให้โกแต่งงานเป็นครั้งที่ 2 กับหลานชายของเขา โทโยโทมิ ฮิเดคัทสึ แต่แต่งกันได้ไม่ถึงปี ฮิเดตัทสึก็เสียชีวิตในสงคราบุกเกาหลี โกมีลูกสาวกับฮิเดคัทสึหนึ่งคน ชื่อซาดาโกะ เมื่ออา
ซาฮีป่วยเสียชีวิตลง ทำให้ฮิเดโยชิส่งโกซึ่งขณะนั้นอายุ 23 ไปเอโดะ เพื่อแต่งงานกับ ฮิเดทาดะ ซึ่งเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลโตคุกาว่า เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ และเป็นตัวประกันสืบต่อจากท่านหญิงอาซาฮี ฮิเดทาดะนั้นอายุน้อยกว่าโก 6 ปี ต่อมาหลังจากที่ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เสียชีวิตลง ตระกูลโตคุกาว่าสามารถเรืองอำนาจ ได้รับแต่งตั้งเป็นตระกูลโชกุน สามีของโกได้เป็นโชกุนคนที่ 2 และ ลูกชายของเธอเป็นโชกุนคนที่ 3 สืบต่อมา
|